วันจันทร์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2562

ทีวีอนิเม ชั่วโมงหรรษา เวลาบอร์ดเกม ปล่อยตัวอย่างสอง, ภาพโปรโมทใหม่, ผู้ที่มารับบทเป็น Emilia และผู้ที่ขับร้องเพลงที่ใช้เป็น OP/ED

ทีวีอนิเม ชั่วโมงหรรษา เวลาบอร์ดเกม (Houkago Saikoro Club) ดัดแปลงจากหนังสือการ์ตูนชื่อเดียวกันผลงานของ อ.Hiroo Nakamichi
ที่จะมาเริ่มออกอากาศที่ญี่ปุ่นทางสถานี ABC TV วันที่ 3 ต.ค. 2019 เวลา 01:16 น., Tokyo MX วันที่ 4 ต.ค. 2019 เวลา 00:30 น. และ
BS11 วันที่ 4 ต.ค. 2019 เวลา 00:30 น. โดยได้ Kenichi Imaizumi (Gokukoku no Brynhildr), Atsushi Maekawa (สุดยอด โอตากุ เซนเซ
Denpa Kyoushi), Yukiko Ibe (Jewelpet Twinkle, Magical Girl Ore, Nanatsuiro Drops สาวน้อยกับหยาดดาวตกเจ็ดสี, Onigiri) รับหน้าที่
ออกแบบตัวละครฉบับอนิเม, Shuuji Katayama (Overlord, บันทึกสงครามของยัยเผด็จการ Youjo Senki, Super Lovers, Yarichin Bitch-bu)
รับหน้าที่ทำเพลงประกอบอนิเม ล่าสุดเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของอนิเมเรื่องนี้ได้ปล่อยตัวอย่างสอง, ภาพโปรโมทใหม่, ผู้ที่รับบทเป็น Emilia





M.A.O (Fana - Black Clover, Yukari - แกล้งนัก รักนะ รู้ยัง? Karakai Jouzu no Takagi-san) พากย์เป็น Emilia



สำหรับเพลง On the Board ซึ่งนำมาใช้เป็น Ending Theme ได้สามนักพากย์ในอนิเมเรื่องนี้ Saki Miyashita (พากย์เป็น Miki), Marika Kono
(พากย์เป็น Aya) และ Miyu Tomita (พากย์เป็น Midori) มาร่วมกันขับร้อง และวางจำหน่ายซีดีซิงเกิ้ลเพลงนี้ที่ญี่ปุ่นในวันที่ 23 ต.ค. 2019

แต่นักพากย์ Miyu Tomita ยังมีอีกเพลง Present Moment ซึ่งเป็นซิงเกิ้ลเดบิวของเธอเองด้วย ซึ่งมีกำหนดออกวางจำหน่ายที่ญี่ปุ่นในวันที่
13 พ.ย. 2019 ก็ได้นำมาใช้เป็น Opening Theme พร้อมกันนั้นเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของนักพากย์คนนี้ก็มีคลิปพรีวิวมาให้ลองฟังด้วย





รายชื่อนักพากย์ที่เคยประกาศไปแล้ว

Saki Miyashita (Kanata Higa - Harukana Receive) พากย์เป็น Miki



Marika Kono (Nemu Emmott - Overlord, Mizuki Yuiga - เรื่องนี้ตำราไม่มีสอน Bokutachi wa Benkyou ga Dekinai) พากย์เป็น Aya




Miyu Tomita (Riko - Made in Abyss, Rizu Ogata - เรื่องนี้ตำราไม่มีสอน Bokutachi wa Benkyou ga Dekinai) พากย์เป็น Midori



Takaya Kuroda (Matsunaga Hisahide - Nobunaga Concerto) พากย์เป็นเจ้าของร้าน Takeru Kinjou



อ.Hiroo Nakamichi ผู้วาด 108 ผู้กล้าแห่งเขาเหลียงซาน ภาค อสรพิษจันทรา (Tsuki no Hebi - Suikoden Ibun), ปิดเกาะปฏิวัติ
(Haru no Kuni) เขียนการ์ตูนเรื่อง ชั่วโมงหรรษา เวลาบอร์ดเกม มาลงพิมพ์ให้อ่านตอนแรกในนิตยสารการ์ตูน Gessan ฉบับเดือน
เม.ย. 2013 (12 มี.ค. 2013) ปัจจุบันมีฉบับรวมเล่มออกวางแผงในญี่ปุ่นแล้ว 14 เล่ม ยังไม่จบ

การ์ตูนเรื่องแรก ที่แนะนำความสนุกสนานของบอร์ดเกมต่างๆ จนคุณต้องสัมผัส
เกียวโตในฤดูใบไม้ผลิ— อายะ นักเรียนหญิงมัธยมปลาย ผู้ย้ายมาอยู่ในเมืองที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน
เพื่อนคนแรกที่เธอได้พบในเมืองนี้ คือมิกิ เพื่อนร่วมชั้นที่มีนิสัยเก็บตัว ผู้ไม่ค่อยเข้าใจว่า 'ความสนุก' คืออะไร
หลังเลิกเรียนวันหนึ่ง หลังจากที่แอบตามมิโดริหัวหน้าห้องไป พวกอายะก็ได้พบกับ 'ความสนุก' ที่เหลือเชื่อ... !?



ที่มา Natalie

ถักทอฝันสู่รันเวย์ มียอดพิมพ์ฉบับรวมเล่มในญี่ปุ่น 1 ล้านเล่ม

หนังสือการ์ตูนเรื่อง ถักทอฝันสู่รันเวย์ (Runway de Waratte) ผลงานของ อ.Kotoba Inoya ฉบับรวมเล่ม 11 ออกวางแผงในญี่ปุ่น
ในวันที่ 17 ก.ค. 2019 โดยสายคาดปกที่มาพร้อมกับเล่มนี้ได้เปิดเผยว่ามียอดพิมพ์ฉบับรวมเล่มรวมกันในญี่ปุ่น 1,000,000 เล่มแล้ว
(สายคาดปกที่มาพร้อมกับฉบับรวมเล่ม 10 เมื่อวันที่ 17 เม.ย. 2019 เคยแจ้งว่ามียอดพิมพ์ฉบับรวมเล่มรวมกันในญี่ปุ่น 6.5 แสนเล่ม)



อ.Kotoba Inoya เขียนการ์ตูนเรื่อง ถักทอฝันสู่รันเวย์ มาเริ่มลงพิมพ์ตอนแรกในนิตยสารการ์ตูน Shonen Magazine ฉบับที่ 26/2017
(31 พ.ค. 2019) ปัจจุบันมีฉบับรวมเล่มออกวางแผงในญี่ปุ่นแล้ว 11 เล่ม ยังไม่จบ ผลงานเรื่องนี้เคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลจาก
Manga Taisho Award ครั้งที่ 11 ในปี 2018, ได้รับเลือกให้อยู่ในอันดับที่ 12 จาก Tsugi ni Kuru Manga Taisho ครั้งที่ 4 ในปี 2018
และเคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลการ์ตูนวัยรุ่นชายยอดเยี่ยมจาก Shogakukan Manga Awards ครั้งที่ 64 ในปี 2019

พอถึง 158 cm ตัวก็ไม่สูงขึ้นอีกเลย...
ฟุจิโตะ จิยูกิ มีฝันอยากจะเป็นนางแบบ "ปารีสแฟชั่นวีค" แต่เพราะความสูงเป็นเรื่องคอขาดบาดตายสำหรับการเป็นนางแบบ
คนรอบข้างจึงได้แต่บอกให้ "ถอดใจซะ" แต่จิยูกิก็ยังดันทุรังต่อไป จนกระทั่งจิยูกิได้พูดคุยกับสึมุระ อิคุโตะ เพื่อนร่วมชั้น
ฐานะยากจนผู้ไม่อาจตัดใจจากความฝันที่อยากจะเป็น "แฟชั่นดีไซน์เนอร์" แต่จิยูกิกลับบอกว่าฝันนั้น "คงไม่มีทางเป็นจริง" เสียเอง...!?
นี่เป็นเรื่องราวของคนสองคนผู้วิ่งไล่ตามความฝันอย่างไม่ลดละ แม้จะโดนตราหน้าว่า "มันคือฝันที่ไม่มีวันเป็นจริง" ก็ตาม



ที่มา hakuichi0891

อ.Takeshi Maekawa กลับมาเขียนตอนใหม่ "จินมี่หมัดเหล็ก Legends" หลังจากหยุดไปนาน 4 เดือน

นิตยสารการ์ตูน Monthly Shonen Magazine ฉบับเดือน ก.ย. 2019 (6 ส.ค. 2019) ลงประกาศว่าการ์ตูนเรื่อง จินมี่หมัดเหล็ก Legend
(Tekken Chinmi Legends) ผลงานของ อ.Takeshi Maekawa จะกลับมาลงพิมพ์ตอนใหม่ มีภาพสีเปิดตอนในฉบับเดือน ต.ค. 2019
ที่มีกำหนดออกวางแผงที่ญี่ปุ่นในวันที่ 6 ก.ย. 2019 หลังจากหยุดเขียนตอนใหม่มาตั้งแต่ฉบับเดือน มิ.ย. 2019 (2 พ.ค. 2019)



อ.Takeshi Maekawa เขียนการ์ตุนเรื่อง จินมี่หมัดเหล็ก (Tekken Chinmi) เล่าเรื่องราวของจินมี่เด็กหนุ่มผู้รักการฝึกฝนวิชากังฟู ซึ่งตัวเขาก็ต้อง
มาผจญศึกกับเหล่าคู่ต่อสู้มากมาย มาลงพิมพ์ตอนแรกในนิตยสารการ์ตูน Monthly Shonen Magazine ฉบับเดือน ธ.ค. 1983 จนกระทั่งจบลงใน
ฉบับเดือน ก.พ. 1997 รวมเป็นฉบับรวมเล่มพิมพ์ครั้งแรกทั้งหมด 35 เล่มจบ สตูดิโอ Ashi Productions นำการ์ตูนเรื่อง จินมี่หมัดเหล็ก ไปดัดแปลง
เป็นทีวีอนิเม ความยาว 20 ตอนจบ ออกอากาศที่ญี่ปุ่นวันที่ 2 ก.ค. 1988 จนถึงวันที่ 24 ธ.ค. 1988 แล้วก็เริ่มต้นเขียนภาคใหม่ทันทีโดยไม่มีการ
หยุดพักใช้ชื่อเรื่องว่า จินมี่ยอดยุทธหมัดเหล็ก (Shin Tekken Chinmi) เริ่มลงพิมพ์ตอนแรกในฉบับเดือน มี.ค. 1997 แล้วมาอวสานลงในฉบับเดือน
พ.ย. 2004 รวมเป็นฉบับรวมเล่มทั้งหมด 20 เล่มจบ โดยระหว่างที่กำลังเขียนภาคยอดยุทธหมัดเหล็ก ก็ได้เขียนภาคแยกที่ใช้ชื่อว่า จินมี่ผจญภัย
(Tekken Chinmi Gaiden) เริ่มลงพิมพ์ตอนแรกใน Monthly Shonen Magazine Great ฉบับเดือน ส.ค. 1997 แล้วเขียนตอนใหม่มาลงพิมพ์ใน
Monthly Shonen Magazine และ Monthly Shonen Magazine+ รวมเป็นฉบับรวมเล่มออกวางแผงในญี่ปุ่นแล้ว 4 เล่ม และกลับมาเขียนภาคใหม่
จินมี่หมัดเหล็ก Legend (Tekken Chinmi Legends) เริ่มตอนแรกใน Monthly Shonen Magazine ฉบับเดือน ก.ย. 2006 ปัจจุบันภาค Legends
มีฉบับรวมเล่มออกวางแผงในญี่ปุ่น 25 เล่ม อีกทั้งยังเคยคว้ารางวัลการ์ตูนผู้ชายยอดเยี่ยมจาก Kodansha Manga Award ครั้งที่ 11 ในปี 1987



ที่มา Monthly Shonen Magazine 2019 September

อ.Akimi Yoshida มีผลงานใหม่ "Utagawa Hyakkei" ภาคแยกของ Umimachi Diary

อ.Akimi Yoshida มีผลงานการ์ตูนใหม่ "Utagawa Hyakkei" ซึ่งเป็นภาคแยกของการ์ตูนเรื่อง Umimachi Diary เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับ Kazuki
น้องชายที่เป็นลูกติดของแม่เลี้ยงของ Suzu (ปรากฎตัวครั้งแรกในตอนพิเศษ ซึ่งลงพิมพ์อยู่ในนิตยสารการ์ตูน Flowers ฉบับเดือน พ.ย. 2018
เมื่อวันที่ 28 ก.ย. 2018 แล้วนำมารวมไว้ในท้ายเล่มของฉบับรวมเล่ม 9 ซึ่งเป็นเล่มจบ ออกวางแผงในญี่ปุ่นไปเมื่อวันที่ 10 ธ.ค. 2018 เล่าเรื่อง
ในอีก 10 ปีถัดมาจากเนื้อเรื่องหลัก เมื่อ Suzu ได้กลับมาพบกับ Kazuki พร้อมทั้งบอกว่าเธอนั้นได้แต่งงานกับ Futa แล้ว) เริ่มลงพิมพ์ตอนแรก
ในนิตยสารการ์ตูน Flowers ฉบับเดือน ก.ย. 2019 (26 ก.ย. 2019) ความยาว 56 หน้า มีภาพสีเปิดตอน แล้วยังได้ขึ้นเป็นภาพปกนิตยสารด้วย





อ.Akimi Yoshida ผู้วาด Banana Fish, ธิดามังกร (Eve no Nemuri) เขียนการ์ตูนเรื่อง Umimachi Diary มาลงพิมพ์ตอนแรกในนิตยสารการ์ตูน
Flowers ฉบับเดือน ส.ค. 2006 (28 มิ.ย. 2006) จนมาถึงตอนจบในฉบับเดือน ส.ค. 2018 (28 มิ.ย. 2018) แล้วเขียนตอนพิเศษ มาลงพิมพ์ใน
ฉบับเดือน พ.ย. 2018 (28 ก.ย. 2018) เล่าเรื่องราวในอีก 10 ปีถัดมาจากเนื้อเรื่องหลัก เมื่อ Suzu กลับมาพบกับ Kazuki น้องชายซึ่งเป็นลูกติด
ของแม่เลี้ยงของเธอเองอีกครั้ง รวมเป็นฉบับรวมเล่มทั้งหมด 9 เล่มจบ ผลงานการ์ตูนเรื่อง Umimachi Diary เคยได้รางวัลการ์ตูนยอดเยียม จาก
Manga Taisho Award ครั้งที่ 6 ในปี 2013 (เคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลนี้มาแล้วในครั้งที่ 1 เมื่อปี 2008 แต่ผลครั้งนั้นอยู่ในอันดับที่ 3),
Excellence Prize สาขาหนังสือการ์ตูน จาก Japan Media Arts Festival Awards ครั้งที่ 11 ในปี 2007, Tezuka Osamu Cultural Prize ได้รับ
การเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลการ์ตูนยอดเยี่ยมมาแล้วสองครั้ง ครั้งที่ 12 ในปี 2008 และครั้งที่ 13 ในปี 2009 และคว้ารางวัลการ์ตูนทั่วไปยอดเยี่ยม
จาก Shogakukan Manga Award ครั้งที่ 61 ในปี 2016 โดยรับรางวัลนี้ร่วมกับการ์ตูนเรื่อง Sunny ผลงานของ อ.Taiyo Matsumoto

ครอบครัว Kouda ซึ่งประกอบด้วยสามสาวพี่น้องวัยทำงาน อยู่มาวันหนึ่งทั้งสามคนทราบข่าวการเสียชีวิตของคุณพ่อที่แยกไปมีครอบครัวใหม่
และไม่ได้เจอกันมา 15 ปี สามสาวจึงวางแผนจะไปงานศพด้วยความรู้สึกที่แปลกประหลาดในฐานะลูก นั่นเพราะพวกเธอไม่ได้รู้สึกเศร้าเสียใจ
จะว่าไปก็ไม่รู้สึกอะไรเลยด้วยซ้ำ เพราะสำหรับพวกเธอแล้ว พ่อก็เหมือนคนแปลกหน้าที่แทบไม่มีความทรงจำร่วมกันมาก่อน

"Yoshino" กับ "Chika" น้องสาวตัดสินใจเดินทางล่วงหน้าไปร่วมเคารพศพ
เพราะ "Sachi" พี่สาวคนโตเป็นพยาบาลและติดอยู่เวรกลางคืนจึงอาจไปร่วมงานไม่ได้
สองสาวได้พบกับ "Suzu" เด็กสาวมัธยมต้นที่มีใบหน้านิ่งเรียบเหมือนผู้ใหญ่กว่าวัย
Suzu เป็นลูกติดของภรรยาคนที่สองของพ่อ แต่ภายหลังเมื่อคุณแม่ของ Suzu เสียชีวิต
พ่อจึงแต่งงานใหม่กับหม้ายลูกสามอีกครั้ง ผลคือ Suzu ต้องเลี้ยงน้องที่ไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดแม้แต่น้อย
และอยู่กับแม่ที่ไม่ใช่แม่แท้ๆ ของเธอเช่นกัน ความห่างเหินทางสายเลือดทำให้เธอพยายามเก็บความรู้สึก
และทำตัวเป็นประโยชน์กับคนรอบข้างให้มากที่สุด สามพี่น้องคงเป็นคนแรกๆ ที่มีโอกาสได้เห็น Suzu ร้องไห้ในงานศพของพ่อ
เพราะเธอเข้มแข็งเสียจนทุกคนลืมไปว่าเธอก็เป็นแค่เด็กสาวที่เพิ่งสูญเสียพ่อไปเท่านั้น

สามพี่น้องสารภาพว่าพวกเธอไม่ได้รู้สึกอะไรกับการจากไปของพ่อเลย เพราะตอนที่พ่อจากไปพวกเธอยังเด็กมาก
ดังนั้นงานศพครั้งนี้จึงเหมือนงานศพของคนไม่รู้จักเสียมากกว่า จนกระทั่งเมื่อ Suzu มอบซองกระดาษหนาซองหนึ่งให้
ทั้งสามคนก็รู้สึกเหมือนบางอย่างกำลังหลั่งไหลออกมาจากความทรงจำ

ซองนั้นบรรจุภาพถ่ายวัยเด็กของทั้งสามคนไว้นั่นเอง ในภาพอัดแน่นด้วยความทรงจำร่วมกันระหว่างพวกเธอกับพ่อ
กระทั่งรายละเอียดเล็กน้อยที่ตอนเด็กไม่เข้าใจก็สามารถเข้าใจได้ในตอนนี้ว่าแท้จริงสิ่งที่พ่อทำล้วนก่อขึ้นจากความเป็นห่วงและรักใคร่
ความทรงจำจากภาพสีจางบนกระดาษเก่าๆ ทำให้ชายแปลกหน้าในโลงศพกลับกลายเป็นพ่อของพวกเธอขึ้นมาอีกครั้ง
และทำให้พวกเธอลบความโกรธเมื่อวัยเด็กที่ถูกพ่อทอดทิ้งออกไปได้จนหมดสิ้น



Hirokazu Koreeda ที่มีผลงานกำกับภาพยนตร์ Nobody Knows แด่หัวใจที่โลกไม่รู้, Like Father Like Son พ่อครับ...รักผมได้ไหม
(Soshite Chichi ni Naru), The Third Murder กับดักฆาตกรรมครั้งที่ 3 (Sandome no Satsujin) ได้นำการ์ตูนเรื่อง Umimachi Diary
ไปดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ที่ญี่ปุ่นไปเมื่อ 13 มิ.ย. 2015 กวาดรายได้จากการเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ที่ญี่ปุ่น
1,550 ล้านเยน ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลปาล์มทองคำ (Palme d'Or) ในเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ (Cannes Film Festival)
ครั้งที่ 68 ในปี 2015 และคว้าไปได้ถึง 4 รางวัลจาก Japan Academy Prize ครั้งที่ 39 ในปี 2016 ได้แก่ ภาพยนตร์ยอดเยี่ยมแห่งปี,
ผู้กำกับภาพยนตร์ยอดเยี่ยมแห่งปี (Hirokazu Koreeda), ถ่ายภาพยอดเยี่ยม (Mikiya Takimoto), กำกับแสงยอดเยี่ยม (Norikiyo Fujii)
และส่งให้นักแสดงสาว Suzu Hirose ที่รับบทเป็น Suzu Asano ในภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ได้รับรางวัลนักแสดงคลื่นลูกใหม่ยอดเยี่ยมอีกด้วย
(ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้เข้ามาฉายในโรงภาพยนตร์ในไทยเมื่อวันที่ 12 ส.ค. 2015 ใช้ชื่อเรื่องว่า Our Little Sister เพราะเราพี่น้องกัน)



- Sachi Kouda พี่สาวคนโต แสดงโดย Haruka Ayase (Hotaru Takano - โฮตารุแสงแห่งรัก Hotaru no Hikari)
- Yoshino Kouda พี่สาวคนที่สอง แสดงโดย Masami Nagasawa (Kaoru Aragaki - รักแรก รักเดียว รักเธอ Nada Sou Sou)
- Chika Kouda พี่สาวคนที่สาม แสดงโดย Kaho (Ryo Miyakozuka - ยอดชายใจแหวว Otomen)
- Suzu Asano น้องสาวต่างแม่ แสดงโดย Suzu Hirose (Kaori Miyazono - เพลงรักสองหัวใจ Shigatsu wa Kimi no Uso)
(เธอคนนี้ก็เป็นน้องสาวของ Alice Hirose ที่แสดงเป็น Aki Mikage ใน Silver Spoon, Eru Chitanda ใน ปริศนาความทรงจำ Hyouka)



ที่มา Natalie